ผมเคยเขียนบทความไว้ในนิตยสาร Awsome place ไว้นานแล้ว จนหนังสือปิดตัวไป
จึงอยากเอามาลงไว้ให้มือใหม่ หรือ คนที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพรวมไปถึงคนที่สนใจการถ่ายภาพจะได้เรียนรู้กัน

มีหลายเรื่องที่เขียนไว้ เกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพให้สวยแบบง่ายๆ อ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย
คราวนี้เอาเรื่อง แสงและทิศทางของแสง มาให้เป็นความรู้พื้นฐานก่อนครับ

 

 

การถ่ายภาพให้สวย ไม่ได้หมายความว่า ซื้อกล้องและอุปกรณ์ราคาแพงๆ จะทำให้ถ่ายภาพสวยขึ้นมาได้ดั่งใจ

แต่ว่า….จะต้อง มีองค์ประกอบที่สำคัญ ในการที่จะถ่ายภาพให้ได้สวย  ด้วย  ดังนี้

1. ต้องเข้าใจกล้อง ใช้ฟังชั่นกล้องให้เป็น (ผมเขียนไว้แล้วลองหาดู)

2. ต้องเรียนรู้หลักการวางองค์ประกอบภาพให้เข้าใจและใช้ให้ถูกต้อง (มีคนเขียนไว้ในเน็ตเพียบ เลยไม่เขียนไปหาอ่านเอาเอง)

3. ต้องเข้าใจเรื่องของแสงและทิศทางของแสง (เป็นเรื่องสำคัญมากๆในการถ่ายภาพต้องดูแสงเป็น ใช้แสงให้เหมาะสมกับแนวภาพ)

4. เรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพ เพราะการถ่ายภาพแต่ละแนวก็จะมีเทคนิคที่ต่างกัน (ชอบแนวไหนก็ต้องไปให้สุด)

5. ต้องสร้างประสบการณ์ด้วยการฝึกถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง (การถ่ายภาพให้สวยไม่มีทางลัด ต้องฝึกถ่ายภาพบ่อยๆ ต้องใช้เวลา)

นี่คือ ปัจจัยสำคัญที่ต้องเรียนรู้ ถ้าอยากก้าวไปสู่คำว่า ถ่ายภาพสวย หรือ ถ่ายได้สวยราวกับมืออาชีพ

 

แต่ถ้าใครไม่ชอบอ่าน ไม่มีเวลามานั่งศึกษา แนะนำว่า มาเรียนถ่ายภาพเลยดีกว่าครับ

เป็นการย่นระยะเวลาในการลองผิดลองถูก ให้ผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ ย่นระยะเวลาให้เรา

เสียเวลาน้อยลง และ เข้าใจหลักการถ่ายภาพ ที่ถูกต้อง ใช้ได้จริง ดีกว่าลองเองแล้วอาจไม่ถูกต้องทำอะไรไปผิดๆไปตลอด

สนใจก็ดูรายละเอียดที่นี่ได้ครับ http://www.vistaimage.net/category/blogs/news/

 

 

 

ภาพสวย…ด้วยแสง

ความรู้เรื่อง แสงและทิศทางของแสง เป็นหนึ่งในหัวข้อที่จะทำให้ภาพสวย ภาพที่ดูแล้วมีมิติ สื่ออารมณ์ให้กับคนดูได้

เรื่องราวต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของแสงและทิศทางของแสง ครับ

ก่อนที่เราจะถ่ายภาพ ต้องเข้าใจเรื่องของแสงก่อนครับ เพราะแสงสำคัญต่อการถ่ายภาพมากที่สุด ไม่มีแสงถ่ายภาพไม่ได้
ดังนั้น แสงจึงเป็นหัวใจสำคัญในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะถ่ายภาพแนวไหนก็ต้องเข้าใจเรื่องแสง คนถ่ายภาพเก่งๆ

คนที่เป็นช่างภาพอาชีพ ส่วนใหญ่จะดูแสงเป็น เลือกแสงมาใช้งานในการถ่ายภาพได้เหมาะสม ภาพจึงสวย และน่าสนใจ

 

แหล่งกำเนิดของแสง 

แสงที่เกิดจากธรรมชาติ
เช่น แสงจากดวงอาทิตย์ ดวงดาว ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า หรือแสงที่เกิดจากสัตว์บางชนิด เช่น หิ่งห้อย

 

แสงที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น
แสงจากไฟฉาย หลอดไฟ ตะเกียง เทียนไข หรือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ถ้าใช้ในการถ่ายภาพคืออุปกรณ์ไฟแฟลชต่างๆ

ประเภทของแสง

ลักษณะของแสง แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

แสงแข็ง (Hard Light)   และ  แสงนุ่ม (Soft Light)

แสงทั้งสองประเภท มีลักษณะที่แตกต่างกัน มีการใช้ที่ต่างกัน เราตามมาดูกันครับว่า แสงแต่ละประเภท ต่างกันอย่งไร

 

แสงแข็ง (Hard Light)

ลักษณะสภาพแสงสว่างที่ไปกระทบกับตัวแบบ หรือ ตัววัตถุโดยตรง คือโดนแสงโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น

มีผลทำให้เกิดเงาสีดำเข้ม ทอดไปในทิศทางตรงข้ามกับแหล่งกำเนิดแสง หรือ พูดง่ายๆคือ ทำให้แสงแข็งและเงาเยอะ นั่นเอง

 

แสงแข็ง จะมีคอนทราสต์สูง ความเข้มของเงามีมาก
จึงมักนำไปใช้กับภาพแนวเน้นให้ภาพมีพลัง  ความแข็งแกร่ง สนุกสนาน
หรือ เน้นให้จุดเด่นมีความโดดเด่นในรูปแบบของ แสง เงา

The face of Buddha,Face of statue Buddha close up.

 

แสงนุ่ม (Soft Light)

ลักษณะสภาพแสงสว่าง คอนทราสท์ต่ำ แสงจะมีความนุ่มนวล จากการส่องผ่านสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก่อนมาถึงตัวแบบ
ไม่ว่าแหล่งกำเนิดแสงจะเป็นอะไร (ถ้าเราใช้แฟลช อยากให้แสงนุ่มเราก็ใช้การสะท้อนแสง หรือ การใช้ตัวกรองแสง เช่น softbox

พูดง่ายๆคือ แสงที่นุ่มได้เพราะผ่านตัวกรองมาก่อนจะถึงตัวแบบหรือวัตถุ นั่นเอง
เป็นแสงที่สะท้อน หรือ ถูกกรองมา เช่น ร่มไม้ ใต้ร่มเงา ความเข้มของแสงจึงลดลง ทำให้แสงนุ่ม เงาก็จะไม่มากเหมือนแสงแข็ง

 

แสงนุ่ม ลักษณะแสงจะมีความนุ่มนวล มีความเปรียบต่างน้อย

เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ถ่ายนางแบบ เน้นความสดใส นุ่มนวลชวนฝัน
อารมณ์ภาพ แสดงออกถึง ความรัก ความสดชื่น  ดูเป็นธรรมชาติ

 

นั่นคือประเภทของแสงหลักในการถ่ายภาพ ที่รู้จักกันแล้ว ยังมีประเภทของแสงที่หลายๆคนอาจไม่รู้จัก

ซึ่งบางคนอาจรู้แล้ว เคยทำแล้ว แต่ก็ไม่ได้แยกออกมาเป็นแสงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร

แสงที่จะพูดถึงต่อไปนี้ เป็นเทคนิคในการเล่นแสงในการถ่ายภาพ
จึงขอแนะนำให้ได้เรียนรู้กันว่านอกจากแสงแข็ง แสงนุ่ม แล้ว ยังมีแสงที่ใช้ในการถ่ายภาพอีก คือ

 

 

Rim Light (แสงริมไลท์)

Rim Light คือ ประกายแสง หรือ แสงสว่างที่อยู่ข้างๆตัว ตามไรผม เป็นการถ่ายภาพที่เล่นกับแสง หรือ ถ่ายย้อนแสง หรือ กึ่งๆย้อนแสง

ทำให้แบบดูแยกออกมาจากฉากหลังอย่างชัดเจน แสงนี้แหละ เรียกว่า แสง Rim Light

แสงที่เป็นประกายขอบตามไรผม บางคนก็เรียกว่า Hair light ซึ่งจะเพิ่มเสน่ห์ให้กับภาพได้ดี เพราะตัวแบบจะไม่จมไปกับฉากหลัง

 

 

 

แสง Rim Light ส่วนใหญ่จะใช้ถ่ายภาพบุคคล ทั้งแนว Portrait และแนว Life


โดยเฉพาะการถ่ายภาพนางแบบ เพราะแสงรีมไลท์จากเส้นผม จะทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ สร้างมิตืให้น่ามองยิ่งขึน

 

 

แต่เราก็สามารถนำ แสง Rim Light ไปใช้ถ่ายแนวอื่นๆได้ เช่น ดอกหญ้า ดอกไม้ และ สัตว์ที่มีขน

 

    

 

การถ่ายภาพให้เกิดแสงรีมไลท์ สามารถทำได้ทั้งจากแสงธรรมชาติ การใชเแฟลช (Flash) และใช้รีเฟล็กซ์ (Reflecter) ก็ได้

 

.           

 

Cookie Light (แสงลอดเป็นหย่อม)

Cookie light เป็นลักษณะแสงที่เกิดจากการที่แสงนั้นส่องลอดผ่านวัตถุ เช่น แสงลอดจากใบไม้ หรือ ลอดจากช่องหน้าต่าง

แสงที่ลอดผ่านมานั้น จะมีลักษณะที่ตกลงมาเป็นหย่อม เป็นดวง เป็นลำแสงหลายๆช่อง   เป็นบางจุดไม่ใช่ทั้งภาพ

 

 

แสง Cookie light  มักจะช่วยให้เราเน้นสิ่งที่ต้องการจะเน้น ปล่อยส่วนอื่นๆที่ไม่ถูกแสง จมหายไปในความมืด

เป็นลูกเล่นในการถ่ายภาพอย่างหนึ่งที่น่าสนใจและมีเสน่ห์ ดึงดูดให้เห็นเฉพาะจุด ที่ต้องการให้เห็น

แต่สิ่งสำคัญคือ ส่วนที่โดนแสงจะต้องไม่โอเวอร์ ซึ่งจะต้องยอมให้ส่วนที่ไม่โดนแสงมืดไปโดยปริยาย

 

 

 

 

 

ทิศทางของแสง

ทิศทางแสงที่แตกต่างกันจะส่งต่อมิติของภาพ หรือให้อารมณ์ภาพแตกต่างกันได้

ดังนั้นในการถ่ายภาพสิ่งที่ควรพิจารณาอีกอย่างคือความเหมาะสมของทิศทางของแสง

โดยเราสามารถแบ่งทิศทางของแสงหลักๆที่นิยมใช้กันอยู่ 4  ทิศทาง คือ

 

1.Front Light(แสงจากด้านหน้า)

 

แสงประเภทแรก

เป็นแสงที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้กัน เพราะว่าง่ายต่อการถ่ายภาพ แสงชนิดนี้เรียกว่า Front Light (แสงด้านหน้า)

แสงนี้เป็นแสงที่เข้ามาจากหลังกล้อง หรือ หลังคนถ่ายภาพ  ส่องไปที่หน้านางแบบ หรือวั ตถุโดยตรง

สมัยก่อนคนมักจะบอกว่า

“ น้องๆอย่าถ่ายภาพย้อนแสงนะ เดี๋ยวหน้าจะดำ” ดังนั้นคนส่วนมากก็มักจะถ่ายภาพตามแสง เพื่อไม่ให้หน้าดำไงครับ

ซึ่งการถ่ายภาพตามแสงแบบนี้แหละที่เรียกว่า แสงด้านหน้า หรือ Front Light ครับ

 

 

การใช้แสงชนิดนี้ถ่ายภาพก็ง่ายๆโดยการมองหาดวงอาทิตย์ ว่าอยู่ทางทิศไหน ก็อย่าไปถ่ายตรงข้ามกับดวงอาทิตย์

หรือให้ดวงอาทิตย์อยู่ข้างหลังเรานั่นแหละ

การใช้แสงหน้าถ่ายภาพ ผลที่ได้ก็คือภาพเหล่านั้นจะได้สว่างทั้งหน้า ไม่มีเงา

หรือ ส่วนที่จะทำให้หน้ามืด จึงไม่ยุ่งยากสำหรับคนที่ถ่ายภาพใหม่ๆ หรือ ไม่มีแฟลซ ก็ถ่ายได้สบายๆ

 

 

แต่การใช้แสงแบบนี้จะได้ภาพที่ไม่มีเงา หน้าไม่มืด แต่ก็ทำให้ภาพนั้นขาดมิติ

หรือ ไม่มีส่วนมืด ส่วนสว่าง (High Light & Shadow) ที่เรียกว่า ภาพแบน

จะเห็นว่า ปัจจุบันคนถ่ายภาพรุ่นใหม่ หรือ ช่างภาพมืออาชีพ มีทักษะเรื่องทิศทางของแสง  จะไม่ค่อยใช้แสงแบบนี้

ไม่ใช่ดูมันง่ายเกินไปสำหรับมืออาชีพหรอกนะ แต่แสงจะช่วยสร้างมิติให้กับภาพ และมีผลต่ออารมณ์ของภาพมากๆเลยครับ

 

 

2.Back Light (แสงหลัง )

 

สมัยก่อนตอนผมเด็กๆ มีคนเคยบอกว่าอย่าถ่ายภาพย้อนแสงนะ (พระอาทิตย์อยู่ช้างหน้าคนถ่าย)

นั่นคือสิ่งที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ และ ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าก็ยังมีคนทำอยู่มากทีเดียว

เพราะว่าอะไรครับ เพราะว่าถ้าถ่ายภาพย้อนแสงแล้วหน้าจะดำไง ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพต้องคอยกังวล

จะถ่ายภาพแต่ละครั้งต้องถ่ายตามแสง(ดวงอาทิตย์อยู่หลังคนถ่าย) เท่านั้น เพื่อไม่ให้หน้าดำ

 

ความจริงแล้วคนที่รู้เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพ การถ่ายภาพย้อนแสงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

แต่กลับใช้การถ่ายภาพย้อนแสง ให้เป็นแนวถ่ายภาพที่น่าสนใจได้เป็นอย่า

 

 

 

ภาพที่ถ่ายย้อนแสง จะสร้างมิติให้กับภาพ  

ทำให้ภาพดูมีรายละเอียดมากขึ้น สื่ออารมณ์ได้มากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งรวมไปถึงการถ่ายภาพ ดอกไม้ ใบไม้ ย้อนแสงด้วย เพราะจะทำให้เห็นรายละเอียด สวยอย่างไม่น่าเชื่อ

หรือ ใช้สำหรับถ่ายภาพอีกแนวหนึ่ง ที่ให้จุดเด่นเป็นเงาดำที่เรียกว่าภาพ Shiluette

 


 

3.Side Light( แสงจากด้านข้าง)

 

แสงที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็น่าจะเป็นแสงที่เข้าทางด้านข้าง ที่เรียกว่า Side Light

แสงแบบนี้มาจากด้านข้างของจุดเด่นของภาพ ถ้าเป็นการถ่ายภาพบุคคล ก็ต้องมาจากด้านข้างของนางแบบนั่นเอง

เทคนิคง่ายๆเวลาเราจะถ่ายให้แสงเข้ามาด้านข้าง ( Side Light ) ก็คือการยืนให้ตั้งฉากกับแสง (90 องศา)

ทิศทางของแสงจะทำให้ภาพดูมี Hi-Light (ส่วนมืด) และ  Shadow (ส่วนสว่าง) ซึ่งก็ทำให้ภาพนั้นมีมิติเกิดขึ้น ดูไม่แบน

แต่มีข้อต้องระวังครับ คือ ส่วนมืดจะต้องไม่ดำจนกระทั่งขาดรายละเอียดไป เรียกว่าอย่าให้ดำมืดเกินไปนั่นเอง

 

 

การใช้แสง Side Light ใช้ได้กับการถ่ายภาพทุกประเภท ทั้งถ่ายภาพบุคคล ถ่ายภาพวัตถุนิ่ง ภาพสถาปัตยกรรม

รวมทั้งการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์  ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกใช้แสงให้เกิดผลต่อภาพ ให้ออกมาแบบใด

 

 

ใครที่ชอบถ่ายภาพ ลองสังเกตดูภาพตามหนังสือ หรือนิตยสารถ่ายภาพดูซิครับว่า

ภาพที่สวยๆ ดูแล้วมีเสน่ห์ ดูแล้วอยากจดจำ ประทับใจ จะมีแสง Side Light เป็นส่วนมากครับ

 

การใช้แสงข้าง ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ 90 องศาก็ได้
เพราะบางครั้ง เราสามารถใช้แสงข้างเฉียงประมาณ 45 องศา ทั้งเฉียงบน เฉลียงล่าง ก็ได้เช่นกัน

ช่วงเวลาในการใช้แสง side Light คือ

ตอน ช่วงบ่ายสามโมงเป็นต้นไป  ดวงอาทิตย์ จาก45 ไป 90องศา ลดลงเรื่อยๆ เลือกเอาตามใจชอบ

 

 

4.Top Light (แสงจากด้านบน)

 

แหล่งกำเนิดแสงจะอยู่บนหัวเรา จะทำให้เกิดเงาตกกระทบทางด้านล่างของวัตถุ ทำให้ส่วนบนของแบบหรือวัตถุเด่นขัด

แม้แสงในทิศทางนี้จะไม่นิยมใช้ถ่ายงาน แต่ในหลายๆครั้งก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยการเน้นแสงส่องที่จุดเด่นโดยตรง

 

 

ช่วงเวลาในการใช้แสง Top Light คือ ตอนเที่ยงวัน 

TPO LIGHT เป็นแสงที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับภาพอีกรูปแบบหนึ่ง

แต่ต้องระวังแสงที่ตกกระทบ เป็นเงา ใต้ตา หรือเงามือดที่อาจทำให้รายละเอียดส่วนมืดหายไป

 

 

นี่คือ เรื่องแสงขั้นพื้นฐานที่คนถ่ายภาพควรรู้  (ยังมีอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องของแสงและเทคนิคการเลือกใช้แสงให้เรียนรู้)

การถ่ายภาพที่ดีต้องเรียนรู้ หลายๆอย่างประกอบกัน ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง

การเลือกใช้ฟังชั่นกล้องการตั้งค่าต่างๆ องค์ประกอบภาพ  มิติของภาพ การสื่อความหมายของภาพด้วยแสง

ล้วนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่คนถ่ายภาพต้องเข้าใจและใช้ให้เหมาะสม

 

เรียนรู้เลือกถ่ายภาพตามหาช่วงเวลาที่ดีที่สุด แสงสวยมากที่สุด

ในแต่ละสถานที่ อาจจะต้องใช้เวลานานในการรอ รอเวลา รอฤดูกาลที่เหมาะสม ให้ได้ภาพสวย

ที่เรียกว่า การถ่ายภาพในช่วง Golden Hour (ช่วงที่แสงสีทอง หรือ ช่วงที่แสงงสวยที่สุด)

เช่น การถ่ายภาพดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก หรือ การถ่ายภาพแบบ rim light การถ่ายแบบ silhouette

 

ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ หวังว่าทุกคนคงได้ประโยชน์และลองเอาไปฝึกใช้กันนะครับ

 

ติดตามความรู้และเทคนิคการถ่ายภาพได้ที่

https://www.facebook.com/groups/937605532965694